จัดได้ว่าเป็นหนังที่น่าจับตา ถึงแม้ว่าตัวหน้าหนังอาจจะดูเป็นหนังอัศวินปกติทั่วไป แต่เมื่อดูถึงชื่อผู้กำกับอย่าง คาซูกิ คิริยะ ก็เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้ เพราะเขาคนนี้คือคนที่กำกับหนังแอ็คชั่นสุดระห่ำอย่าง Goemon จากประเทศญี่ปุ่นมาจนมีแฟนๆติดตามกันจำนวนนึงแล้วก็ว่าได้ โดยในปีนี้เขากลับมาหลังจากหายหน้าหายตาไปนานกับหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกอย่าง Last Knights นั่นเองครับ
Last Knights บอกเล่าเรื่องราวของอัศวินผู้ตกอับและ ความจงรักภักดี ต่อศาสตราจารย์ที่ช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงย่ำแย่ในชีวิตของเขา ซึ่งหนังได้เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครหลัก คือ หัวหน้านักรบอัศวิน เรเดน (ไคลฟ์ โอเว่น) และพรรคพวกของเขาที่ต้องต่อสู้กับ เกซ่า มอท ผู้ปกครองอันแสนเลวทราม เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับการตายที่ไม่เป็นธรรมของผู้นำที่พวกเขาเคารพรัก ลอร์ด บาร์ทอค (มอร์แกน ฟรีแมน)
โดยแน่นอนว่าช่วงหลังเราคงได้เห็นหนังอัศวินออกมาแทบจะทุกปีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนับมาตั้งแต่จำพวก The Last Region, Ironclad หรือแม้แต่หนังที่ลงแผ่นตามกระบะทั่วๆไป ซึ่งส่วนมากนั่นมาจากฮอลลีวู้ด ที่มักจะใช้สายตามองหนังอัศวินเพียงด้านเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อการมาของ Last Knights ที่เป็นหนังการร่วมทุนสร้างของ เช็ค และ เกาหลีใต้ ผ่านสายตาของผกก.ชาวญี่ปุ่น จึงนับว่าน่าสนใจมากที่เขาจะถ่ายทอดมันออกมาในรูปแบบไหน และผลลัพธ์ของมันก็ตามคาด กับการที่หนังดูจะให้กับคำว่า เกียรติยศ และ ความจงรักภักดี ได้มีกลิ่นไอดูมีราคามากกว่าเรื่องอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนนึงคงเป็นเพราะมันถูกถ่ายทอดผ่านผกก.ชาวญี่ปุ่น ที่มีความบริสุทธิ์ใจต่อเรื่องพวกนี้เป็นสำคัญ ซึ่งสามารถจะพบเห็นได้จากตัวละครที่รับบทโดยชาวญี่ปุ่นอย่าง ซูโยชิ อิฮาระ ซึ่งเหมือนเป็นตัวแทนของเหล่าคนเอเชีย ที่คอยมองความสกปรกในเรื่องราวเหล่านี้ของ อัศวินอังกฤษ นั่นเอง
ซึ่งอีกส่วนนึงที่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าตัวหนังสามารถทำได้ดีกว่าหนัง อัศวิน เรื่องอื่นๆ คือความใส่ใจในด้านของคาแรกเตอร์ ตัวละคร ที่ตัวผกก.เลือกนักแสดงหลากหลายสัญชาติกว่า 16 ชาติ มาร่วมในกองทัพของทั้งตัวเอก และ ตัวร้าย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันสามารถทำให้คนดูจดจำคาแรกเตอร์ หน้าตา และรวมถึง ตัวละคร ของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนถึงช่วงที่เมื่อตัวหนังพยายามจะสร้างมิติดังกล่าวให้แก่ตัวละคร จึงทำให้คนดูไม่ได้ลืมว่า เขาเหล่านี้มีความเป็นมาอย่างไร ต่างจากหนังอัศวินเรื่องอื่นๆที่เรามักจะจำหน้าใครในกองทัพยกเว้น พระเอก และ เพื่อนพระเอก ได้เลยนั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ยังค่อนข้างน่าผิดหวังไปนิด กลับอยู่ตรงช่วงฉากแอ็คชั่น ที่ตัวหนังออกมาในโทนที่เคร่งเครียด และ จริงจัง ซึ่งต่างจากหนังบู๊ระห่ำล้างผลาญเรื่องก่อนของผกก.พอสมควร เพราะฉะนั้นฉากแอ็คชั่นใน Last Knights จึงดูเป็นการยึดหลักความจริง ทั้งตัวเพลงดาบ และการวางแผนซุ่มโจมตี ซึ่งอาจจะไม่คุ้นชินนักเมื่อเทียบกับผลงานเก่า แต่ถ้าหากว่ากันตามแพทเทิร์นของหนังแอ็คชั่นทั่วไป ก็ถือว่าสอบผ่าน และทำได้สนุกอย่างไม่เสียดายเงินครับ
และถ้าหากใครที่ชื่นชอบพระเอกหนุ่มอย่าง ไคล์ฟ โอเว่น ก็แน่นอนว่าเรื่องนี้เราจะได้เห็นเขากลับมาเล่นบทบาทแอ็คชั่นอีกครั้ง รวมถึง มอร์แกน ฟรีแมน ที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดี จนสรุปโดยรวมแล้วผมจึงคิดว่าถ้าหากใครที่ชื่นชอบหนังแนวแอ็คชั่น ดูเพลินๆ ไม่คิดอะไรมาก Last Knights ก็จะสามารถตอบโจทย์เหล่านั้นให้แก่คุณได้ โดยเฉพาะในด้านของการพูดถึงความจงรักภักดีในหมู่อัศวิน ผ่านสายตาคนญี่ปุ่น ซึ่งได้ฟีลแบบที่คุณน่าจะไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนครับ
เรื่องนี้ผมให้ 7.5/10 ครับ
The post Last Knights : อัศวินในสายตาคนเอเชีย appeared first on MThai Movie.