หลังจากปล่อยให้รอหลังจากภาค 4 มาเป็นระยะเวลาหลายปี ตอนนี้พี่ ทอม ครูซ ก็กลับมาแล้วพร้อมกับภาคต่อภาค 5 ที่ยังคงคอนเซปต์เดิมจากภาคที่แล้ว กับการเล่นเอง สตันท์เอง ใน Mission: Impossible – Rogue Nation ที่ตอนนี้ตัวหนังก็เข้าฉายในไทย และ ทั่วโลกพร้อมให้สัมผัสความมันส์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
โดยในภาคนี้ตัวหนังกำกับโดย คริสโตเฟอร์ แม็คคัวรี่ย์ ผู้กำกับที่ตัว ทอม ครูซ เลือกมาเองกับมือ เพราะว่าติดใจในฝีมือของเขาจาก Jack Reacher และรวมถึงงานเขียนบทใน Edge of Tomorrow อีกด้วย ซึ่งงานนี้แน่นอนว่าเลือกมากับมือ ก็ต้องไม่ทำให้ผิดหวังกันอย่างแน่นอน ซึ่งต้องขอยอมรับเลยว่าตอนแรกที่ผมเห็นหน้าหนังในภาคที่ 5 นี่ ก็แอบหวั่นๆเหมือนกันเพราะจากตัวอย่างแล้ว ค่อนข้างเผยฉากเด็ดออกมาเยอะมากทีเดียว แต่หลังจากที่ได้ชมแล้วก็ต้องกลับคำเสียใหม่ เพราะภายในมันยังมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ ซึ่งถ้าจะให้พูดแล้วมันก็น่าแปลกเหมือนกันนะ เพราะในขณะที่ Mission Impossible นี่ดูจะเป็นหนังสายลับเพียงเรื่องเดียว ที่ไม่ว่าจะทำออกมากี่ภาคๆ ก็ยังคงแพทเทิร์นเดิมๆของตนเองไม่มีเปลี่ยน ในขณะที่เหล่าสายลับ เจมส์ บอนด์ หรือ เจสัน บอนด์ ยังมีเปลี่ยนโทนให้ดราม่าและอะไรอีกมากมาย
แต่ในขณะเดียวกัน แพทเทิร์นเดิมๆ ที่มันใช้มาตั้งแต่ภาค 1 กลับยังสามารถทำได้ผลทุกภาค โดยภาคที่ผมชื่นชอบมากที่สุดแต่ก่อน คงต้องบอกว่าเป็นภาค 2 เนื่องด้วยเป็นคนที่ค่อนข้างชอบงานของ จอห์น วู เป็นทุนเดิม เพราะฉะนั้นเมื่อมาทำหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ดจ๋าๆแล้วใส่ลายเส้นตัวเองไปอย่างเช่น ฉาก มอไซต์ ต้องขอคารวะเลยจริงแท้ แต่ก็นั่นแหละ นั่นคือเมื่อก่อน ก่อนการมาถึงของภาคนี้ ที่หลังจากดูจบต้องขอยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดในหนังชุดนี้เลยก็ว่าได้ โดยสิ่งที่มันโดดเด่นกว่าภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในภาคแอ็คชั่น คือการที่มันเหมือนเป็นภาคที่รวมเอาความโดดเด่นจากทุกๆภาค มาเขย่ารวมกัน และก็ทำได้ดีเสียด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกก็คือฉากมอไซต์ในภาค 2, ฉากงานเลี้ยงเต้นรำ ในหลายๆภาค, อารมณ์ขันจากตัวละคร ไซม่อน เพ็คค์, การกลับมารวมทีมอีกครั้งของเฮีย วิง แรมม์ และรวมถึงเหล่าฉากแอ็คชั่นหวาดเสียว ที่ภาคนี้คือฉากเครื่องบิน ทุกอย่างล้วนดูแล้วเหมือนถูกยกระดับ อัพเกรดให้มีความงดงามทั้งในด้านของอารมณ์ความสนุกสนาน และ ด้านภาพยนตร์ให้มากขึ้นไปอย่างไม่ออมมือ โดยเฉพาะทางด้านนักแสดงอย่าง ทอม ครูซ ที่ในภาคนี้แน่นอนว่ายังคงหว่านเสน่ห์ในบทสายลับ อีธาน ฮันท์ ได้เกินหน้าเกินตาผู้ชายทุกคนในทีม แต่หาไม่กับนางเอกสาวคนใหม่อย่าง รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน ที่นำได้ว่าเป็นสายลับหญิงที่โปรยเสน่ห์ได้ดีกว่าสายลับคนอื่นๆในภาคที่ผ่านๆมา
ซึ่งเธอนั้นสามารถยกระดับให้ฉากการต่อสู้ในงานโอเปร่าที่งดงามอยู่แล้ว กลับกลายเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความรื่นรมณ์ และตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะด้วยเสน่ห์ ออร่า ที่มาจากตัวเธอ หรือชุดเดรสสีเหลือที่ใส่มาเพื่อฆ่าชายหนุ่มทั้งโลกนั้นก็ตาม ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้ว การปฎิบัติการ หรือการวางแผน ทุกอย่างก็ล้วนเดินเรื่องไปเป็นแนวทางหนังสายลับที่ตัวเองเป็นอย่างภาคก่อนๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่าไม่ว่าคุณอาจจะคิดว่าเดาเรื่อง หรือคาดการณ์ฉากต่อไปได้มากแค่ไหน แต่สิ่งที่คุณปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือความมันส์ ที่ผมกล้าพูดได้เลยว่า หลังจากขาดแคลนหนังแอ็คชั่นดีๆมาหลายเดือน นี้คือหนังที่มันส์ที่สุด ณ เวลานี้ครับ
เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
The post Mission: Impossible – Rogue Nation : ปฎิบัติการมันส์รวมมิตร appeared first on MThai Movie.