หลังจากในปี 1982 พ่อมด สตีเวน สปีลเบิร์ก และผู้กำกับ โทบี้ ฮูเปอร์ สร้างปรากฏการณ์ผีหลอกวิญญาณหลอน ในภาพยนตร์ Poltergeist ให้ขึ้นแท่นคลาสสิคไปแล้วเรียบร้อย จึงไม่แปลกอะไรนัก เมื่อฮอลลีวูดในยุคหลอดเลือดไอเดียตีบตัน จะเลืิอกหยิบมันมาปัดฝุ่นรีเมคกันสักหน แต่ทว่า พลังบางอย่างที่เคยเรียกเสียงฮือฮาในยุคนั้น อาจแป้กสนั่นในยุคนี้ ก็เป็นได้…
Poltergeist ถ่ายทอดเรื่องราวตามกรอบเดิมของต้นฉบับ แต่เปลี่ยนชื่อตัวละครเสียใหม่เป็นครอบครัว โบเวน ที่นำโดยคุณพ่อที่กำลังถังแตก และเตรียมหางานมาจุนเจือครอบครัว ทั้งภรรยาสาวและลูกๆ ทั้งสาม ทั้งหมดย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ในย่านชานเมือง ก่อนที่ลูกๆ จะพบปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ผุบๆโผล่ๆ ในบ้าน เริ่มจากเบาๆ จนหนักข้อถึงขีดสุดเมื่อ เมดิสัน (เคนเนดี คลีเมนต์ส) ลูกสาวคนเล็กได้หายตัวไปอย่างลึกลับ จนต้องไปขอความช่วยเหลือจากทีมพิสูจน์พลังงานลี้ลับ มาหาสาเหตุที่แท้จริง และพยายามพา เมดิสัน สุดรักกลับมาให้ได้
Poltergeist เป็นหนังรีเมคที่ออกจะมีท่าทีเคารพต้นฉบับอย่างตรงไปตรงมา ทั้งโทนสีและอารมณ์คล้ายจะพาย้อนอดีต พ่วงมากับการใช้วิธีการสร้างความสยองขวัญจากปัจจัยต่างๆ ที่เคยเขย่าคนดูเมื่อครั้งกระโน้น โดยเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งทีวีจอแบน บัตรเครดิต สมาร์ทโฟน ไปจนถึงโดรนถ่ายภาพ เข้ามาเพื่อให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น แต่การโลภเหมาหมดใหม่เก่าแบบนี้ กลับย้อนแยงกันเองจนทำให้หนังดูทะแม่งๆ ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่ตลอดทั้งเรื่อง แต่สิ่งที่พาให้ Poltergeist มีคุณภาพแหกโค้งไปไกลจากฉบับคลาสสิค ก็อยู่ที่มันซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับนี่แหละครับ
ในปี 1982 ที่อินเตอร์เน็ตยังเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ในชีวิตปกตินั้นไม่ได้เจอเรื่องขนลุกขนพองกันบ่อยๆ ความสยองในสถานการณ์จำพวก มือแปะจากอีกฝั่งหน้าจอทีวี ต้นไม้ผีกระชากตัวให้ลอยลิ่ว ตุ๊กตาตัวตลกกระโดดใส่หน้า ศพอืดจากใต้พื้นบ้าน ไปจนถึงโลกต่างมิติ (ที่เหมือนขึ้นตรงกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต) สามารถเขย่าขวัญคนดูให้กระเจิดกระเจิงได้ แต่ในเมื่อ Poltergeist รีเมคนี้ ต้องการให้หนังอยู่ในยุคปัจจุบัน และมันออกฉายในยุคที่คลิปผีมากล้นตามเว็บไซต์ มุขเก่าๆ ที่เคยหลอนก็กลายเป็นฝืดสนิท แถมดูเชยแสนเชย ประกอบกับการใช้ดนตรีที่คอหนังสยอง เรียกขานกันว่าจังหวะ “ตุ้งแช่” แบบไม่ดูตาม้าตาเรือบ่อยครั้ง ทำให้หนังประดักประเดิดอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ Poltergeist เถรตรงมิใช่เพียงวิธีหลอกหลอน แต่มันลามไปถึงสามชิกครอบครัวโบเวน ที่ต่างก็ซึมกะทิอ กับสถานการณ์วิกฤตตรงหน้าแบบผิดธรรมชาติ เมื่อฉากไหนต้องกลัว ก็กรีดร้องกลัวกันให้ตายไปข้าง พอตัดมาอีกฉาก กลับดู มึนๆงงๆ ไม่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์หรือความรู้สึกก่อนหน้าแต่อย่างใด อีกทั้งแก๊งปราบผีที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ที่ปกติแล้วจะเปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนดังท่าไม้ตายของหนังสยองขวัญ กลับผิดคาดด้วยความแห้งแล้งเสน่ห์ อธิบายที่มาที่ไป และแกปัญหาปรากฏการณ์โพลเทอร์ไกสท์ ด้วยบรรยายโวหารจนเนิบนาบราบเรียบ และมีอาการไม่ต่างจากครอบครัวเจ้าทุกข์เสียอย่างงั้น
อย่างน้อยที่สุด หนังรีเมคฉบับปี 2015 นี้ ช่วยทำให้คุณสะดุ้งเป็นพักๆ ขนลุกขนพองเป็นหย่อมๆ ได้ ก่อนจะปิดตัวลงดังเรื่องผีรอบกองไฟ ที่พยายามชงกลิ่นอายความสยองมาอย่างดี แต่ดันจบแบบมึนงงปนเรื่องตลก และพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่า ความเฮี้ยนที่ร่ำลือกันของบ้านหน้าตาดีแต่อยู่แล้วซวยใน Poltergeist ปี 1982 นี้ ควรสงวนขึ้นแท่นไว้เพียงแค่นั้น และไม่ขุดความสยองที่ผิดยุคผิดสมัยนี้ ขึ้นมาหลอกหลอนคนดูอีก
เรื่องนี้ให้ 6.5 / 10 ครับ
Lecter.
—————————————
The post Poltergeist : บ้านนี้ดี อยู่แล้วซวย appeared first on MThai Movie.