เข้าฉายในไทยกันแล้ว สำหรับหนังซัมเมอร์ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องของปีนี้ ที่ดูท่าว่าจะเป็นหนังซัมเมอร์ที่ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่องจริงๆ เพราะจากคำวิจารณ์ที่เมืองนอกบอกกันมา ต่างยกย่องให้เป็น พิภพวานร ที่นอกจากจะดีกว่าภาคก่อนแล้ว ยังเป็นภาคต่อของหนังรีบู๊ตที่ดีเป็นอันดับต้นๆกันอีกด้วยทีเดียว
Dawn of the Planet of the Apes เรื่องราวในภาคนี้จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อประชากรลิง ที่ได้รับการพัฒนายีนซึ่งนำโดย ซีซาร์ ที่เพิ่มจำนวนขึ้น ต่างถูกคุกคามจากกลุ่มมนุษย์ผู้รอดชีวิตจา
หนังเปลี่ยนจากผู้กำกับ รูเพิร์ต ไวแอท ในภาคแรก มาเป็นผู้กำกับขวัญใจเด็กแนวอีกคนอย่าง แม็ตต์ รีฟ เด็กปั้นของ เจเจ จาก Cloverfield และหนังรีเมคเรื่องเยี่ยมอย่าง Let Me In โดยในภาค Dawn จะเป็นเรื่องราวที่เชื่อมต่อกับ Rise ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเหตุการณ์คาบเกี่ยวก่อนการมาถึง Planet of the Apes นั่นเอง ซึ่งทางด้านนักแสดงเจ้าพ่อโมแคปอย่าง แอนดี้ เซอร์กิส กลับมารับบท ซีซ่าร์ ลิงเจ้าฝูงนั่นเอง โดยในภาค Rise ไม่รู้ว่าใครหลายคนจะติดใจหนังด้วยเหตุผลอะไร แต่สิ่งที่หนังชุดนี้โดดเด่นสำหรับตัวผมมากๆ คงหนีไม่พ้นการที่มันวิพากย์วิจารณ์ความเป็น คน ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวละครคน และ ลิง ที่เหมือนเป็นการเปรียบเทียบถึงการต่อสู้กับวิวัฒนาการที่ด้อยกว่าของตนได้อย่างเข้มข้น ซึ่งในภาคแรกเป็นเพราะมันยังต้องปูเรื่องอยู่มากมาย จึงอาจจะทำให้ยังมีเวลาไม่พอในการพูดถึงเรื่องนี้
แต่พอการมาถึงของ Dawn ต้องขอยอมรับเลยว่า ผกก. แม๊ตต์ รีฟ สามารถจับจุดแข็ง และตัดจุดด้อยของหนังชุดนี้ออกได้ถูกจุดมากๆ โดยสิ่งที่หนังชุดนี้ยังบอกอยู่เสมอคงไม่หนีพ้นถึง ความเป็นสัตว์ ในตัวของสิ่งมีชีวิต แม้แต่ สัตว์ประเสิรฐ ที่เราเรียกว่ามนุษย์ ที่มีพัฒนาการมาจาก ลิง ก็ยังมีทั้งด้านดี ด้านชั่ว ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากๆของหนังภาคนี้คงหนีไม่พ้นการลุกขึ้นสู้ของกลุ่ม วานร ที่ถึงแม้จะขัดขืนความเป็นอยู่ของ มนุษย์ แต่ตัวเจ้าฝูงก็ยังแอบมีใช้ภาษาของมนุษย์สื่อสารกัน ซึ่งสื่อถึงการต่อต้านระหว่างการเอาชีวิต ในสภาพแวดล้อมที่ตนเองไม่ยอมรับ
โดยถึงแม้ว่ามันจะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหนังซัมเมอร์ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคงหวังที่จะเห็นฝูงลิงขึ้นมาฆ่าคนอย่างมันส์มือ แต่ก็อย่าเพิ่งคิดไปไกล เพราะถึงแม้ว่าหนังจะมีฉากแอ็คชั่นอย่างที่ว่าเช่นนั้นจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ฆ่ากันแบบไม่ลืมหูลืมตา เพราะนอกจากฉากแอ็คชั่นในภาคนี้จะโดดเด่นเพราะเนื่องด้วยการปูเรื่องที่เข้มข้น ฉากความเป็นดราม่าที่มีให้เห็นในภาคแรก ภาคนี้ก็ยังหยิบมาใช้ควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างลงตัวอีกด้วย โดยเรียกได้ว่าถูกใจทั้งคนต้องการความตูมตาม และดราม่ากันเลยทีเดียว ซึ่งทางด้านนักแสดงอย่าง แอนดี้ เซอร์กิส ก็ดูเหมือนจะถึงเวลาเสียทีที่จะได้เสนอเข้าชิงในรางวัลออสการ์ ผ่านหน้าตา และ การแสดงของเขา
ตรงข้ามกันกับทางด้านพระเอกคนใหม่อย่าง เจสัน คลาร์ก ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดด้อยของตัวหนังอยู่ประมาณนึง เพราะเนื่องด้วยตัวละครของเขาต้องแบกรับหนังไว้ไม่แพ้ตัว ซีซ่าร์ แต่เนื่องด้วยออร่าที่ยังดูเหมือนจะสู้พ่อ เจมส์ ฟรังโก้ ไม่ได้ จึงอาจจะยังไม่สามารถพาฉากดราม่าใหญ่ๆของเรื่องระหว่างความขัดแย้ง มนุษย์ และ วานร ผ่านไปได้ดีนัก
เช่นกันกับด้านระบบ 3D ของหนังที่ถึงแม้จะถ่ายด้วยกล้อง 3 มิติ แต่การเลือกช็อตของ แม็ตต์ รีฟ ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยตอบสนองติ่งความเป็นมิติสักเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าหนังหน่ะจัดได้ว่าเป็นภาคต่อที่เข้มข้น และ ดูสนุก แต่ดูเพียงระบบธรรมดา ก็น่าจะได้อรรถรสไม่ต่างกันครับ
เรื่องนี้ผมให้ 8/10 ครับ
The post Dawn of the Planet of the Apes : สงครามแห่งการค้นหาของความเป็นคนที่สมบูรณ์ appeared first on Mthai Movie.