จากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ถึงหนังที่สร้างจากเรื่องจริงอันว่าด้วยชีวิตของเจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโค ทั้งข่าวดีกับการได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังเปิดเทศกาลเมืองคานส์ และข่าวไม่ค่อยจะดี กับการทรงไม่ปลื้มอย่างแรงของรัชทายาทของเจ้าหญิงเกรซ และเสียงวิจารณ์ที่เมืองคานส์ ที่ค่อนไปทางเละสาหัสยับเยินอยู่พอตัว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อลองพิจารณาหนังเรื่องนี้โดยองค์รวมแล้ว หนังก็ไม่ได้ค่อนไปทางแย่ขนาดนั้น
Grace of Monaco กำกับโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส “โอลิวิเยร์ ดาฮาน ” ได้ถ่ายทอดเรื่องราว 6 ปีให้หลังจาก “งานแต่งงานแห่งศตวรรษ” ระหว่างนักแสดงฮอลลีวู้ดผู้โด่งดัง เกรซ เคลลี่ กับ เจ้าชายเรนิเยที่ 3 แห่งราชรัฐโมนาโค โดยเน้นไปที่การใช้ชีวิตใต้กรอบประเพณีในรั้วในวัง และความเห็นต่างของเจ้าหญิงเกรซ ที่มีต่อแนวคิดแบบโมนาโค ทำให้ชีวิตของเธอ ไม่ใคร่จะมีความสุขนัก จนวันหนึ่งเหมิอนนกที่มีโอกาสคืนรัง เมื่อ อัลเฟรด ฮิตซ์ค็อก เสนอบทนำในหนังเรื่องใหม่ให้เธอ เพื่อเปิดโอกาสให้เธอหวนคืนสู่วงการอีกครั้ง แต่นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการเห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไหร่ เพราะประเทศกำลังตกอยู่ในปัญหาการเมืองเคร่งเครียด จนใกล้จุดวิกฤตอยู่รอมร่อ อันนำไปสู่ภาวะการเลือกทางเดินชีวิต ระหว่างมนต์มายาแห่งหนัง หรือพลังความจริงแห่งเจ้าหญิง
หนังใช้เวลา 103 นาทีนี้ มุ่งเน้นไปที่การสำรวจสภาวะจิตใจและความอดทนอดกลั้นของเจ้าหญิงเกรซ ในบ้านเมืองอื่นที่ขนบธรรมเนียม รวมถึงทัศนคติต่างกับพื้นเพของเธอโดยสิ้นเชิง จนเทพนิยายเจ้าหญิงในความฝันของหลายๆคน กลับดูหมองหม่นและเจ็บปวดรวดร้าวเอาการ ความรู้สึกต่อเจ้าชายที่เหมือนเส้นกั้นพร่าเลือน ของความรักกับหน้าที่ปะทุขึ้นในตัวเจ้าหญิงเกรซอย่างต่อเนื่อง และยังต้องปะทะคารมกับเหล่าชายที่เห็นทุกสิ่งเป็นการเมือง และเหล่าหญิงที่เฝ้ารองานรื่นเริง โดยไม่แยแสความทุกข์ร้อนของผู้ใด จึงไม่น่าแปลกใจอะไรหากเธอสนใจจะเบือนหน้าหนีทุกสิ่ง กลับสู่โลกเดิมที่มีความสุขอีกครั้ง ประเด็นข้างต้นทำให้ผู้ชมสามารถเฝ้าดูการพัฒนาของตัวละครเจ้าหญิง เกรซ แห่งโมนาโค ที่ค่อยๆเรียนรู้ และปรับตัว และบางครั้งด้วยพลังการแสดงของนิโคล คิดแมน แม้เธอจะโมโหโกรธา กระทำการอันไม่มีเหตุผล แต่เราก็อดจะเอาใจช่วยและสะใจต่อฝ่ายตรงข้ามที่รองรับอารมณ์ของเธอได้อย่างไม่รู้ตัว
นอกจากนี้สำหรับแฟนของผู้กำกับรุ่นเก๋า อัลเฟรด ฮิตซ์ค็อก การที่ตัวละครของเขาปรากฏตัวขึ้นในหนัง ไม่เพียงแต่เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญเท่านั้น แต่หนังยังคารวะผู้กำกับร่างใหญ่ด้วยการตั้งใจทำภาพให้ออกมาเป็น ฮิตซ์ค็อกสไตล์ ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งช่วยขับเน้นภาพให้ดูสวยงาม มีพลัง และชวนอึดอัดได้เป็นอย่างดี แต่มีเพียงบางครั้งที่หนังเหมือนจะมีปัญหากับการตัดต่อไปบ้าง ทำให้บางฉากอารมณ์ไปไม่สุดก็ตัดเปลี่ยนไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งการใช้ภาพระยะใกล้ของนิโคล คิดแมน (ใกล้มาก!) ที่มากเกินความจำเป็นจนชวนเวียนหัว ทั้งๆที่ ณ ขณะนั้น ตัวละครไม่ได้อยากสื่อสารแบบนั้นเสียหน่อย
โดยรวมแล้วถึงแม้ Grace of Monaco จะเล่าเรื่องตึงเครียดด้วยความเนิบช้าไปบ้าง แต่ตลอดการเฝ้าติดตามเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโคนี้ หนังก็ไม่น่าเบื่อถึงจะไม่สนุกตูมตามตื่นเต้น แต่สำหรับผู้ที่สนใจหนังที่เกี่ยวกับราชวงศ์ จะค่อนไปทางดูเพลินๆได้ และได้เข้าอกเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิง ที่แต่งงานด้วยความรัก โดยไม่รู้เลยว่าในอนาคต สมรสจะกลายเป็นภาระใหญ่หลวงขนาดนี้
เรื่องนี้ให้ 7/10 ครับ
โดย Lecter
The post Grace of Monaco : สมรสคือภาระ appeared first on Mthai Movie.